ในวงการมวยปล้ำ ของ พอล แบเรอร์

พอล แบเรอร์ หรือชื่อจริง วิลเลียม อัลวิน "บิล" มูดดี เริ่มเข้ามาสู่วงการมวยปล้ำตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นโดยการเป็นช่างกล้องข้างเวที หลังเรียนจบเขาได้รับราชการทหาร และมักจะขึ้นปล้ำที่ค่ายอิสระในระหว่างเป็นทหารตลอด 4 ปี หลังจากนั้นในปี 1979 เขาได้เริ่มเป็นผู้จัดการให้กับนักมวยปล้ำโดยใช้ชื่อ เพอร์ซีวอล "เพอร์ซี" พริงเกิล, ที่ 3 ในค่ายมวยปล้ำอิสระทางตะวันออกเฉียงใต้ แต่เมื่อลูกชายเขาถือกำเนิดขึ้น เขาจึงออกจากวงมวยปล้ำหันมาทำธุรกิจของตัวเอง นั่นคือการจัดงานศพรวมไปถึงทุกๆ อย่างที่อยู่ในวงการธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องความตาย

ก่อนที่พอลจะเข้ามาใน WWE เขาได้กลับไปเป็นผู้จัดการให้กับนักมวยปล้ำอีกครั้งที่สมาคม FCW WCCW และ USWA ตามลำดับ มีนักมวยปล้ำหลายคนมากที่มีพอลในคาแรคเตอร์ของพริงเกิลเป็นผู้จัดการให้ แต่คงไม่มีนักมวยปล้ำคนไหน ที่โดดเด่น และเป็นที่ตรึงตาตรึงใจแฟนๆ มวยปล้ำเท่ากับบุรุษที่มีชื่อว่า ดิอันเดอร์เทเกอร์ อีกแล้ว[2]

พอลเข้าสู่สมาคม WWE ในช่วงทศรรษที่ 90 จากการพูดถึงของ ริก รูด ไปเข้าหูของ วินซ์ แม็กแมน โดยวินซ์ได้ใช้การที่พอลมีธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องศพ ซึ่งเป็นธุรกิจในชีวิตจริงของพอลมาใช้ในวงการมวยปล้ำ โดยทางวินซ์ให้พอลมาเป็นผู้จัดการให้กับนักมวยปล้ำที่มีกิมมิคลึกลับ น่ากลัวอยู่ที่ชื่ออันเดอร์เทเกอร์

พอลปรากฏตัวครั้งแรกต่อสาธรณะชนเมื่อต้นปี 1991 จากการแนะนำของ บราเธอร์ เลิฟ มีกิมมิคทีลึกลับไม่แพ้ตัวอันเดอร์เทเกอร์ มีกระปุกสถิตวิญญาณอยู่ข้างกายอยู่กับอันเดอร์เทเกอร์ มาตลอด 6 ปี จนหักหลังอันเดอร์เทเกอร์โดยไปอยู่กับ แมนไคด์ จากนั้นก็เริ่มเรื่องราวระหว่างอันเดอร์เทเกอร์กับตัวเขา โดยมีเรื่องใหม่เข้ามา นั่นคือน้องชายของอันเดอร์เทเกอร์ ที่ชื่อว่า เคน[3]

เมื่อเคนเข้ามาสู่วงการมวยปล้ำเกิดเป็นศึกสายเลือดระหว่างพี่กับน้องพอลก็ไปอยู่ข้างเคน แต่พอเวาล่วงเลยไปก็กลับมาอยู่กับอันเดอร์เทเกอร์ อีกครั้งและสร้างกระทรวงแห่งความมืด หรือ Ministry of Darkness ขึ้นมาเพื่ออที่จะยึดครองสมาคม ก่อนที่กลายเป็น Coperate Ministry และแยกจากกันไปในที่สุด

พอลกลับมาอีกครั้งในช่วงปี 2000 โดยมาเป็นผู้จัดการของเคน แต่ก็หมดบทบาทในช่วงหลังศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 16 เขาจึงผันมาทำงานเบื้องหลังแทนจนสัญญาหมดในปี 2002 และไม่ต่อสัญญาแต่อย่างใด ย้ายไป TNA ช่วงนั้นๆโดยใช้กิมมิค เพอร์ซี พริงเกิล ที่ 3 ซึ่งเป็นกิมมิคดั้งเดิมของเขาเอง

พอลได้กลับมาอีกครั้งในปี 2003[4] และได้เปิดตัวการกลับมาเป็นผู้จัดการของอันเดอร์เทเกอร์ ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 ปีถัดมา ถือเป็นการเปลี่ยนกิมมิคของอันเดอร์เทเกอร์ จาก Big Evil มาเป็น The Phenom เหมือนเดิมด้วย เรียกได้ว่าการกลับมารวมกันครั้งนี้สุดแสนจะยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้างเอามากๆเลย ทว่าสุดท้ายก็เป็นอันเดอร์เทเกอร์ที่เป็นคนจัดการพอลฝังโบกกับคอนกรีตในศึก เดอะเกรทอเมริกันแบช ปี 2004 ในปีนั้นเองพอลก็มาทำงานเป็นเบื้อหลังให้กับทางสมาคมต่อไปก่อนที่จะสิ้นสุดสัญญาลงในปี 2005[5][6]

ในปี 2010 พอลได้กลับเข้าสู่สมาคมอีกครั้ง โดยกลับมาเป็นผู้จัดการให้กับอันเดอร์เทเกอร์ที่มีปัญหาอยู่กับเคน แต่ไม่นานก็หักหลังไปอยู่กับเคน[7][8] และได้มีบทบาทร่วมกับ เอดจ์ จนสุดท้ายถูกเอดจ์เล่นงานหัวทิ่มลงพื้นซีเมนต์ข้างล่าง[9]

หลังจากนั้นอีก 2 ปีพอลได้ปรากฏตัวอีกครั้งแบบสั้นๆ ในเรื่องระหว่าง แรนดี ออร์ตัน กับเคน โดยถูกจับยัดอยู่ในห้องแช่แข็งก่อนที่เคนจะช่วยเหลือออกมา โดยทำทีเป็นช่วย แต่สุดท้ายเคนก็จับเข้าไปใหม่ถือเป็นการสิ้นสุดเรื่องราวและเป็นการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในสมาคม WWE[10] จนกระทั่งพอลได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยโรคประจำตัวหลายอย่าง เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2013 ขณะที่มีอายุได้ 58 ปี[11][12] ต่อมาพอลได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่ หอเกียรติยศดับเบิลยูดับเบิลยูอี ประจำปี 2014[13][14]

แหล่งที่มา

WikiPedia: พอล แบเรอร์ http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/09/25/154... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/10/04/155... http://armpit-wrestling.com/pick-my-brain-intervie... http://percysposts.blogspot.com http://1067thefandc.cbslocal.com/2010/10/21/chad-d... http://www.firetank.com/smashwrestling/wguruanswer... http://wrestling.insidepulse.com/2010/12/08/wwe-sm... http://www.onlineworldofwrestling.com/results/raw/... http://percypringle.com/biography.html http://www.percypringle.com